Post Views:
10,935
“ซื้อหนังสือ อย่าลืมซื้อเวลาในการอ่านด้วยนะ”
ยาวไปไม่อ่าน…ทำอย่างไรเราถึงจะเลิกพูดคำว่าไม่มีเวลาอ่านหนังสือ
มาดูกันว่าเรามีวิธีการไหนบ้างที่จะช่วยให้เราอ่านหนังสือได้มากและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
—
1.พกหนังสือติดตัวตลอดเวลา
ในโลกยุคใหม่ที่เรามีภารกิจรัดตัวอะไรหลายๆอย่างพร้อมกัน เดี๋ยวทำงาน เดี๋ยวเดินทาง เดี๋ยวต้องทำธุระ อันที่จริงแล้วในหนึ่งวันเรามีชิ้นส่วนของเวลาเล็กน้อยแต่กระจัดกระจายเต็มไปหมด ซึ่งหากเราพกหนังสือติดตัวเอาไว้ ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาอ่าน คุณจะตกใจเลยว่า อาทิตย์หนึ่งคุณอ่านหนังสือได้มากเท่าไหร่
2.ลดเวลาการใช้อินเตอร์เน็ต
“เรามีเวลาให้สิ่งที่สำคัญเสมอ”
เชื่อไหมว่าถ้าหากลองจับเวลาการใช้มือถือของเราในแต่ละวันจะต้องตกใจว่าเราเสียเวลาไปมากแค่ไหน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะหมดเวลาไปกับไม่กี่แอพนักหรอก อันได้แก่จำพวกโซเชียลมีเดีย
ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเสพเนื้อหาประเภทไหนบ้าง
เป็นความลุ่มลึกของหนังสือ หรือความฉับไวแต่ตื่นเขินผ่านนิวฟีด
ตัดเวลาท่องโซเชียลลงวันละนิด แล้วอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็คงดีไม่หยอก
3.ลงตารางเพื่อการอ่านโดยเฉพาะ
ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเช้าของทุกวันหรืออาจจะเป็นยามคํ่าคืนก่อนนอนก็ได้…ประเด็นสำคัญคือการ “Make Time” สำหรับการอ่านและทำมันให้เป็นนิสัย โดยช่วงเวลาดังกล่าวจะไร้ซึ่งสิ่งรบกวน
เพียงเวลาไม่นานเราจะเริ่มติดนิสัยการอ่านจนเป็นกิจวัตร
เมื่อนั้นเราก็ไม่ต้องมีตารางมากำกับอีกต่อไป
4.ตั้งเป้าหมายเป็นจำนวนเล่ม
‘Mark Zuckerberg’
ตั้งปณิธานปีใหม่ในปี 2015 ว่าจะอ่านหนังสือเดือนละ 2เล่ม และก่อตั้ง Book club ชวนคนมาอ่านหนังสือ…
หลายคนชอบอ่านไปเรื่อยๆ ไม่กดดันตัวเอง อ่านเพื่อความผ่อนคลายและได้ความรู้เป็นของแถม แต่ก็มีหลายคนเช่นกันที่จริงจังกับการอ่านมากและมองว่า “การลงทุนกับความรู้ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด”
หากใครเป็นสายฮาร์ดคอร์ที่อ่านเพื่อพัฒนาตนเอง
ก็อาจจะทำลิสต์หนังสือที่จะอ่านของทั้งปี
แล้วกำหนดเวลาการอ่านชัดเจนไปเลย
ในกรณีผู้เขียนเองก็ตั้งเป้าอ่านอาทิตย์ละหนึ่งเล่ม พอเราสร้างเงื่อนไขเช่นนี้ สมองก็จะรับรู้ว่ามันเป็นเกมชนิดหนึ่งที่เราอยากจะเอาชนะให้จงได้
5.ทำลิสต์หนังสือที่อยากอ่าน
สำหรับคนที่รักการอ่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ข้อนี้นับเป็นกิจกรรมที่สนุกอย่างมาก อย่างผู้เขียนเองก็มักจะถ่ายภาพปกหนังสือที่อยากอ่านเก็บไว้เสมอ…สิ่งนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้เรารู้สึกว่าอยากอ่านเล่มที่อ่านอยู่ในปัจจุบันให้จบไวๆ จะได้ไปอ่านเล่มในลิสต์ของเราต่อไป
การสะสมพลังความอยากอ่านเช่นนี้ จะทำให้เรามี Motivation ในการอ่านหนังสือแต่ละเล่มมากขึ้นได้
6.อ่านให้เป็นนิสัย
หลายคนชอบคิดว่าคนที่จะทำอะไรสำเร็จต้องมีวินัยทำสิ่งต่างๆได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน
ต้องเป็นคนที่มุ่งมั่นและมีวินัยอย่างมาก
แต่นักจิตวิทยาพฤติกรรมกำลังบอกความจริงที่ต่างออกไป...
เพราะจริงๆ แล้วในการก่อร่าง สร้างนิสัยใหม่ๆที่ดีนั้น
วินัยเป็นสิ่งที่จำเป็นก็จริง แต่ก็แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น
หากเราอดทนและมีวินัยอย่างสูงในตอนเริ่มต้นได้
ภายในเวลาไม่นาน การกระทำจะเริ่มเปลี่ยนเป็นนิสัย (forming the habit) ที่เราสามารถทำไปได้ในทุกวันโดยแทบไม่ต้องคิดเลย…
หากเราสามารถแปรงฟันตอนเช้าและก่อนนอนโดยแทบไม่ต้องคิด
เราก็สามารถทำเช่นนั้นกับการอ่านเช่นกัน
7.อ่านจบแล้วไปรีวิว
ใครว่าหนังสือเป็นกิจกรรมที่ต้องทำคนเดียว?
หากลองเปิดใจให้กว้างซักนิด จะเห็นได้ว่าโลกออนไลน์ได้เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ให้คนที่ “นิยมชมชอบ” ในการอ่านเขียน ได้มาเจอกันอย่างผู้เขียนเองก็ชอบเข้าไปอ่านหรือบันทึกเรื่องราวใน storylog อยู่เสมอๆ…
หรือหากถ้าชอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอ่านก็สามารถไปติดตามเพจ Readery…
ถ้าชอบรีวิวหนังสืออยู่แล้วก็สามารถเข้าไปร่วมกิจกรรมรีวิวหนังสือสั้นๆ
ใน twitter กับซีเอ็ด พร้อมติดแฮชแท๊ค #คำนิยมชมชอบ ก็มีโอกาสได้ลุ้นรับของรางวัล และหากได้รับเลือกคำนิยมเหล่านั้นก็จะถูกจัดพิมพ์ไปทั่วทุกสาขาในประเทศไทยเลย
ในถึงที่สุด “จำนวนเล่ม” อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ “เป้าหมาย” ในการอ่าน
บางคนชอบอ่านอย่างช้าๆแต่ดื่มดํ่า บางคนอ่านแสกนอย่างไวๆ เพื่อเอาข้อมูลไปใช้ทำงาน หนังสือบางเล่มก็ถูกอ่านซํ้าแล้วซํ้าอีกในต่างช่วงเวลาหรือต่างสถานการณ์ในชีวิตเพื่อทบทวนชีวิตและหาลู่ทางเดินต่อไป
การอ่านดูเผินๆเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่โดดเดี่ยว แต่ในหัวของนักอ่านไม่เคยเงียบงัน พวกเรายังคงค้นหาคุณค่า ความหมาย ความงาม ความจริง ผ่านตัวอักษร พร้อมกับเสียงที่ดังก้องในหัว
ในขณะที่อ่านเราอาจโดดเดี่ยว แต่เราไม่เคยเดียวดาย
เพราะเราจะอ่านไปพร้อมๆกัน
คนสายวิทย์ที่จงใจมาทำงานสายธุรกิจและหวังว่าซักวันหนึ่งทั้งสองโลกจะมาเชื่อมกัน
เครดิทภาพ: weforum.org