“ความในใจของคนที่ดูเงียบๆ รักสันโดษ ชอบอิสระ ทำอะไรคนเดียว อยากบอกให้คุณรู้” [ตอนที่ 2]
#แด่เพื่อนๆ Introvert ที่เป็นนักอ่านทุกคน
#วิทยาศาสตร์และจิตวิทยาเบื้องหลังนักอ่านผู้สันโดษ
—
หลังจากบทความก่อนหน้าเราได้พาไปสำรวจกันแล้วว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของ introvert ซึ่งอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ของสมอง ซึ่งหากจะให้สรุปสั้นๆ อีกครั้งตรงนี้ก็คือ introvert นั้นถูกโยงใยและฝังลึกไปถึงสรีระวิทยาของการตอบสนองต่อสิ่งเร้ารอบๆ ตัว
อ่านตอนแรกได้ที่นี่
Introvert ถูกกระตุ้นได้ง่ายจากสิ่งเร้า
Extrovert ถูกกระตุ้นได้ยากมากกว่า
นั่นทำให้บางคนพอใจที่จะใช้เวลาอยู่อย่างสงบเงียบในวันหยุด อยู่กับคนรัก ทำงานอดิเรกต่างๆ นอนเอนกายอ่านหนังสืออยู่เงียบๆคนเดียว
ในขณะที่บางคนกลับรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมแบบนั้นขาดสิ่งกระตุ้น มันไม่เร้าใจมากพอ ขาดสีสัน และชอบที่จะออกไปพบปะผู้คนเพื่อ “รับพลังงาน” จากภายนอกเข้ามา
นี่คือความแตกต่างของ introvert และ extrovert
วันนี้เราเลยจะมาสำรวจกันว่าความยากง่ายของการถูกกระตุ้นส่งผลให้ introvert มีลักษณะอย่างไรบ้าง
1.อยู่กับคนเยอะๆ นานๆ แล้วเหนื่อย
เคยไหมครับที่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในเรื่องของทักษะการเข้าสังคม หรือไปขาดความมั่นใจอะไรมา แต่พอมี event ที่ต้องเจอคนเยอะๆ ทีไร พองานเลี้ยงเลิกราทีไรก็รู้สึกหมดแรงหมดพลัง อยากพักนิ่งๆคนเดียวไม่อยากเจอใครไปซักพักนึงเลยทีเดียว
ข้อนี้เป็นลักษณะหนึ่งที่บ่งบอกได้ดีทีเดียวว่าคุณคือ introvert ตัวจริงเสียงจริง เพราะคุณผู้อ่านรู้หรือไม่ครับว่าในเหตุการณ์เดียวกัน ช่วงเวลาเดียวกัน ระยะเวลาเท่ากัน หากคุณเป็น introvert คุณจะได้รับสิ่งกระตุ้นเข้ามามหาศาลมากกว่าเมื่อเทียบกับ extrovert
เชื่อไหมว่ามีบางคนเช่นกันที่ดูภายนอกเราต้องคิดว่าเขาต้องเป็น extrovert แน่ๆ เพราะทำกิจกรรมเก่ง สื่อสารได้ดี มีความกล้าแสดงออกและเป็นผู้นำ แต่พอได้รู้จักกันจริงๆ เขากลับเผยความจริงว่าเป็น introvertและหลังจากผ่านกิจกรรมเหล่านั้นไปเขาจะรู้สึกเหนื่อยอ่อนมากกว่าปกติ พอถึงเวลาว่างที่เป็นอิสระจริงๆ เขาจึงชอบที่จะใช้เวลาพักผ่อนอยู่คนเดียวมากกว่า
นั่นจึงนำเราไปสู่ลักษณะของ introvert ข้อต่อไปนั่นก็คือ
2.คุณเพลิดเพลิน รักและชอบใช้เวลาคนเดียว
หลายๆครั้งเหล่า introvert มักจะถูกเข้าใจผิดจาก extrovert ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าในเรื่องมนุษย์สัมพันธ์ ทำไมถึงชอบนั่งกินข้าวคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่เบื่อ ไม่เหงาบ้างหรือไง
ลองจินตนาการตามนะครับ…
หากคุณเป็น introvert คนหนึ่งที่หน้าที่การงานที่คุณทำอยู่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีปฎิสัมพันธ์กับผู้คนตลอดทั้งวัน พูดคุย ประชุม อภิปราย ระดมความคิด พอถึงเวลาว่างจริงๆ อย่างตอนพักกลางวันคุณยังอยากจะใช้เวลาเหล่านั้นอย่างลำพังบ้างหรือไม่
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเราถามคนที่แตกต่างกันว่าเวลาว่างชอบทำอะไร…เราสามารถบอกได้กลายๆเลยว่าคนเหล่านั้นเป็น introvert หรือ extrovert
หากคำตอบมันเด้งออกมาเลยว่าเราชอบ Alone time ก็เป็นไปได้ว่าเราคือ introvert…แม้คนอื่นอาจไม่เข้าใจ หรือไม่เห็นค่าของช่วงเวลาส่วนตัวเหล่านั้นก็อย่าลืมอธิบายให้เขาฟังด้วยล่ะว่ามันสำคัญกับเราอย่างไร…อย่าให้สังคมมาตัดสินเราว่าเราควรใช้เวลาว่างของเราอย่างไร
พวกเราล้วนแตกต่างและไม่จำเป็นต้องการให้ใครมาบอกว่าอะไรที่ดีกับตัวเรา…
3.มีเพื่อนน้อย แต่ที่มีค่อนข้างสนิท
มีหลายคนเข้าใจผิดว่า introvert ชอบที่จะอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใครไม่มีสังคม ทว่านั่นไกลจากความจริงค่อนข้างมากเลยล่ะครับ
เป็นเรื่องจริงที่ introvert มักมีแวดวงกลุ่มเพื่อน กลุ่มสังคมที่ไม่กว้างขวางเท่า extrovert แต่งานวิจัยบอกกับเราว่าถึงจะมีน้อยกว่าก็จริง แต่นั่นก็เป็นเพราะพวกเรามักจะคัด “คุณภาพมากกว่าปริมาณ”
นั่นทำให้ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมักจะลึกซึ้งและค่อนข้างยืนยาว พูดได้ว่าถ้าได้เป็นเพื่อนกันแล้วก็เป็นกันจนลูกบวชเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เองทำให้พวกเราชาว introvert ชอบที่จะแฮงเอาท์กับเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนท่ามกลางบรรยากาศที่โดนใจไม่อึกทึก มีเวลาได้พูดคุยกันอย่างลึกๆ เป็นความสัมพันธ์ที่อารมณ์คล้ายๆคนในครอบครัว
หากคุณเป็นคนมีเพื่อนน้อยแต่ที่มีสนิทมากๆ แสดงว่าคุณอาจเป็น introvert แล้วล่ะครับ
4.ถูกเร้าหรือเยอะๆ จะสติหลุดได้ง่ายๆ
เร้าหรือในที่นี้หมายถึงสิ่งเร้านะครับ…
อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่า introvert นั้นมีขีดความอดทนต่อสิ่งกระตุ้นต่ำกว่า extrovert นั่นหมายความว่ามันมีความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องการถูกกระตุ้นอยู่นั่นเอง
หากให้ introvert และ extrovert นั่งทำงานอยู่ในห้องสมุด extrovert อาจจะรู้สึกว่ามันเงียบเกินไปจนน่าเบื่อ ในขณะที่ introvert คิดว่ามันสงบเงียบกำลังดี
แต่พอเปลี่ยนสถานที่เป็นร้านกาแฟที่คราคร่ำไปด้วยคน extrovert อาจจะรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ถ่ายทอดเข้ามาในขณะที่ introvert เริ่มไม่สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิ
ผลวิจัยเลยบอกกับเราว่า introvert มีแนวโน้มที่จะสติหลุด ขาดสมาธิ วอกแวกไปมาได้ง่ายกว่า extrovert เมื่ออยู่ในที่พลุกพล่าน เต็มไปด้วยสิ่งเร้าหรือผู้คน
ไม่แปลกเลยถ้าพบว่า introvert จะชอบไอเทมต่างๆที่มีคุณสมบัติในการกรองสิ่งเร้าให้เบาบางลงไม่ว่าเป็น การใส่หูฟังเวลาต้องการทำงาน คิดหรืออ่านหนังสือ การใส่แว่นตากรองแสง การใส่ที่อุดหูเวลานอน
สิ่งเหล่านี้คือการบ่งบอกอย่างเป็นรูปธรรม…สิ่งที่สะท้อนธรรมชาติของเรา
แล้วมันก็พ่วงแถมจุดแข็งของ introvert มาอีกนั่นก็คือ
5.ความช่างสังเกต
ในสถานการณ์เดียวกัน introvert มักจะรับ input ของข้อมูลขาเข้ามามากกว่าปกติเสมอ เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่มันทำให้เรากลายเป็นคนช่างสังเกตและเห็นดีเทลเล็กน้อยๆ มากกว่าปกติ
และไม่เพียงแต่การสังเกตสิ่งเร้าภายนอกเท่านั้น
แต่โลกภายในที่กว้างใหญ่ของ introvert ก็เช่นกัน
6.โลกภายในที่กว้างขวาง ซับซ้อน และลึกซึ้ง
“คนที่พูดน้อยที่สุดในห้อง อาจเป็นคนที่กำลังคิดเยอะที่สุดในห้องเช่นกัน”
ผมจำไม่ได้แล้วว่าไปอ่านวลีนี้มาจากไหน แต่มันค่อนข้างอธิบายลักษณะของ introvert ได้ดีระดับหนึ่งเลย
ด้วยความที่ introvert มักจะเป็นคนที่มีลักษณะของการสำรวจตรวจสอบโลกภายในที่ค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องของความคิด ความรู้สึก คุณค่าและความหมาย ของสิ่งต่างๆ
พวกเรามักจะเพลิดเพลินไปกับการครุ่นคิดถึง “ประสบการณ์ทางใจ” ค่อนข้างมาก และหลายๆ ครั้งก็มองว่าสิ่งที่เรารับรู้จากภายนอกเป็นเพียงสิ่งที่เข้ามาเติมเติมและกระตุ้นให้โลกภายในที่เข้มข้นของพวกเราได้หมุนวนไป
ทำให้ introvert หลายๆคนมีกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่เกี่ยวข้องกับการทำความรู้จักและเข้าใจตัวเองอย่าง การอ่านหนังสือในหัวข้อที่สนใจ การพูดคุยถกเถียงทางปรัชญาเพื่อหาคุณค่าและความหมายของชีวิต
หากมีหลายคนบอกว่าคุณเป็นคนที่ “คิดมาก” ก็มีความเป็นไปได้เยอะเลยที่คุณอาจเป็น introvert
หวังว่าทั้ง 6 ข้อเหล่านี้จะทำให้เพื่อนๆนักอ่านเข้าใจตัวเองและคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลมันเริ่มมาจากความแตกต่างของสมองที่ถูกหล่อหลอมผ่านวันเวลามาเป็นบุคคลิกภาพอย่างที่เราเป็นในที่สุด
พวกเราไม่ใช่คนขี้อาย…
พวกเราแค่เพลิดเพลินกับการได้ใช้เวลาลำพัง
พวกเราไม่ได้ปฎิเสธการเข้าสังคม
แค่เลือกเพื่อนที่จะคบ อาจไม่มากมาย แต่สนิทจริงๆ
เห็นพวกเราเงียบๆ
แต่ที่จริงรับรู้แทบทุกอย่าง
ถึงพวกเราจะพูดน้อยจนหลายครั้งทำให้ดูเหมือนน่าเบื่อ
แต่โลกภายในล้วนเต็มไปด้วยสีสันอันกว้างใหญ่
คิดว่าพวกเราเป็นคนส่วนน้อย
แต่ที่จริง Introvert มีมากถึงหนึ่งในสามของประชากร
จบไปแล้วกับตอนที่สองเพื่อความเข้าใจ introvert ให้มากขึ้น
สำหรับคนที่อยากเข้าใจถึงสาเหตุความแตกต่างของสมองที่ทำให้เราเป็น introvert ไปอ่านตอนแรกได้ที่นี่
สำหรับตอนหน้าเราจะพาไปสำรวจจุดแข็งของ introvert กันครับ
คนสายวิทย์ที่จงใจมาทำงานสายธุรกิจและหวังว่าซักวันหนึ่งทั้งสองโลกจะมาเชื่อมกัน
เครดิทภาพ: จากภาพยนต์ A Beautiful Mind (2001) ซึ่งพระเอกของเราคืออัจฉริยะนาม John Nash เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ผู้คิดค้นทฤษฎีเกมส์ก็มีบุคคลิกภาพแบบ introvert เช่นกัน