Loading

wait a moment

พาหนังสือไปเที่ยวกันเถอะ [How to read books while travelling]

travel with the book

#แรงบันดาลใจ 8 บรรทัด
วันนี้ขอเสนอตอน “วิธีการพาหนังสือไปเที่ยว”

บรรทัดที่ 1: นี่ไม่ใช่วิถีของคนที่พยายามจะทำตัวให้มีประสิทธิผล (productive) ให้มากที่สุด ไม่ใช่การที่พยายามอ่านหนังสือแม้แต่ตอนไปเที่ยว…ไปเที่ยวก็ไปเที่ยวสิ ยังจะเอาหนังสือไปอ่านอีกหรอ…เดี๋ยวก่อนครับ ใจเย็นๆถ้ายังไม่เคยทำ ผมอยากจะลองให้คุณลองเปิดประสบการณ์นี้ดู
.
.
.
บรรทัดที่ 2: ทว่านี่คือวิถีของคนอินดี้ที่ต้องการ ‘ขยายขอบฟ้า’ ของการมองโลกให้กว้างยิ่งขึ้น
.
.
.
บรรทัดที่ 3: ในนัยหนึ่ง…การออกเดินทางท่องเที่ยวและการอ่านหนังสือมีลักษณะและท่าทีที่กระทำต่อสมองของเราไม่แตกต่างกัน นั่นก็คือเป็นการรับ ‘input’ ใหม่ๆ เข้ามา

ว่าแต่…แล้วเราจะเอาสองอย่างนี้มาปนกันทำไม ?
.
.
.
บรรทัดที่ 4: ในหนังสือ ‘One Million ปัญญาหนึ่งถึงร้อยหมื่น’ ของคุณ ‘ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา’ ได้ชวนเราพูดคุยถึง “Magical Moment” หรือช่วงเวลามหัศจรรย์ ที่สายธารของการนึกคิดหลากหลายสายมาบรรจบกันเกิดเป็น “ความคิดใหม่ ความคิดใหญ่” ที่มีพลังการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไป…เป็นชั่วขณะ “ยูเรก้า” ที่เกิดขึ้นจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่เหมาะสม

เป็นเงื่อนไขที่เข้ากันมากเหลือเกินกับการท่องเที่ยวและการอ่านหนังสือ
.
.
.
บรรทัดที่ 5: ช่วงเวลา “ปิ๊งแว๊บ”ดังกล่าวไม่ใช่ความรู้ใหม่ของมนุษย์ชาติ ประวัติศาสตร์ได้บอกกับเรามานับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นระดับหน่วยสังคมหรือคนธรรมดาตัวเล็กๆ ของพลังความศักดิ์สิทธิ์ในการออกเดินทางในความเงียบงัน…การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของอัจฉริยะบุคคล การตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ ในชีวิตที่มีพลังพลิกชีวิตเราให้ดีขึ้นอย่างมหาศาล ล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราได้ครุ่นคิดและตกผลึกอย่างลำพัง

ไม่ใช่ความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา
แต่เป็นความโดดเดี่ยวลำพัง
เป็นสภาวะที่เราเต็มอิ่มในตัวเองในขณะเดียวกันก็หลอมรวมกับธรรมชาติ
.
.
.
บรรทัดที่ 6: เป็นแปดบรรทัดที่ยาวจริงๆ
.
.
.
บรรทัดที่ 7: เมื่อเราหลอมรวมความ “ใหม่สด” ของการออกเดินทาง เข้ากับช่วงเวลาสงบไตร่ตรองในการอ่านหนังสืออย่าง “โดดเดี่ยวลำพัง”

เราได้สร้างบรรยากาศที่หนุนนำให้สมองของเราได้เกิดช่วงเวลามหัศจจรย์ ให้เราได้มองปัญหาที่ค้างคาในมุมใหม่ ได้เห็นลู่ทางของโอกาสที่ไม่เคยได้พบเจอ
.
.
.
บรรทัดที่ 8:ในเวลาที่ต้องขบคิดปัญหายากๆซับซ้อน ไอสไตน์ จะมีเวลาพักเบรกเพื่อหันไปทำงานอย่างอื่นที่ใช้พลังสมองน้อยกว่า

ชาลส์ ดาร์วิน เจ้าของทฤษฎีวิวัฒนาการก็เป็นอีกคนที่ใช้เวลาอย่างลำพังเพื่อขบคิดในขณะที่เขาเดินไปตามทางเดินในสวนละแวกบ้านของเขา
.
.
.
คนระดับโลกหลายคนที่เราเรียกว่าอัจฉริยะ
คนระดับโลกหลายคนที่เรามองว่ามีความคิดสร้างสรรค์ล้นเหลือ

หรือแท้จริงแล้วเขาเพียงแต่ใช้สมองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะเล่นตามกติกาธรรมชาติที่สมองถูกสร้างขึ้นมา…ชีวิตจะดีขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรถ้าเราใช้ชีวิตแบบวนลูปไปเรื่อยๆ
.
ไอสไตน์เคยกล่าวไว้ว่า
“ความบ้า คือการทำสิ่งเดิมๆซ้ำๆ แล้วคาดหวังผลลัพธ์ที่ต่างออกไป”
.
การทำแบบเดิมๆซ้ำๆ ดูจะไม่ใช่ทางออกของชีวิตที่เจริญพัฒนา…มาลองพกหนังสือไปอ่านตอนไปเที่ยวสิครับ
.
แล้วคุณจะตกตลึงว่ามันเป็นการจับคู่ที่ตรงจุดในการระเบิดความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก…ไม่ลองก็ไม่รู้ อยากรู้ก็ต้องลอง…และอย่าลืม ผลลัพธ์ที่แตกต่างย่อมเรียกร้องวิธีคิดและการกระทำที่แตกต่าง
.
ผม ณภัทร สงวนแก้ว (แอดหนุ่ย)
หวังว่าเพื่อนๆ จะได้แรงบันดาลใจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงกันนะครับ สวัสดีครับ

ร่วมแสดงความคิดเห็น และแชร์ไปยัง Facebook ของท่าน