Loading

wait a moment

เพราะไม่อยากให้คนแบบลุงเนลสันต้องหล่นหาย…เพจ Humans of New York จึงถือกำเนิด

ลุงเนลสัน

จะเป็นอย่างไรถ้านิวยอร์กมีปาก?
นิวยอร์กจะพูดอะไร?
เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘Melting Pot’ หรือ ‘เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมของอเมริกา’
เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจมากมาย

แรงบันดาลใจจากคนเป็นๆ คนตัวเล็กๆ พลังของปัจเจกชน

 

แน่นอน, ขึ้นว่าชีวิต มันไม่ได้มีแต่แง่ที่สวยงาม ทุกคนเคยล้มลง

ทุกคนเคยทำพลาด…และทุกคนมีบาดแผล ทว่าแม้แต่เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

เหตุการณ์ที่จะฝากรอยแผลเป็นไว้ในชีวิตเรา

ในท้ายที่สุดมีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครพรากไปจากมนุษย์ได้

นั่นคือมุมมองที่เรามีต่อแผลเหล่านั้น

เราจะเติบโตจากรอยแผลเหล่านั้น เราจะงอกงามผ่านอุปสรรค

และอีกหลากหลายเรื่องราวจาก “ปากของนิวยอร์ค” 

ปากที่มีชื่อว่า “Humans of New York”

 

Flavia Carvalho
อยู่ที่จะเลือกมอง—Flavia Carvalho ช่างสักชาวบราซิลผู้มีไอเดียเปลี่ยนรอยแผลให้กลายเป็นแรงบันดาลใจ นั่นคือเสรีภาพในการเลือกมองชีวิตตนเอง

 

the เพจ that worth reading

ข่าวใหญ่ของการปรับ Algorithm ในการแสดงผล News Feed ของ Facebook แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะวงการสื่อและแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องทำใจยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า Content ที่ลงทุนปลุกปั้นมั่นหมายจะ ‘ถูกเห็น’ น้อยลงจากกลุ่มเป้าหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหนึ่งในการปรับตัวของพวกเขาคือการทำให้พื้นที่สื่อของตนเองเป็น Top of mind เพื่อที่ผู้เสพจะนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ ในหมวดเรื่องราวนั้นๆ  จนกระทั่งไม่ต้องรอให้ ‘เหล่าสาวก’ เห็นบน feed แต่พุ่งตรงมายังตัวเพจโดยตรงเลยนั่นเอง

Brandon Stanton
Brandon Stanton—จุดเริ่มต้นจากการถ่ายภาพแบบไม่ได้คิดอะไรมาก จนกลายเป็นเพจที่มียอดไลค์กว่า18 ล้านคน

 

พูดอย่างตรงๆ เลยก็คือวันนี้จะมาแนะนำเพจๆ หนึ่งที่รู้จักมาเนิ่นนานเกือบสองปี แต่ก็ไม่เคยตกหายไปจากความทรงจำซักที พอนึกขึ้นได้ทีไรก็ต้องกดเข้าไปอ่านเรื่องราวทุกครั้งๆ และไม่ว่ากี่หนเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังในแง่ของพลังบวกที่ได้รับกลับมาท่วมท้นอย่างบอกไม่ถูก ที่สำคัญชื่อของเพจยังได้สร้างปรากฎการณ์ในสังคมออนไลน์ ที่แม้ประเทศไทยเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น และเพจที่ว่านั่นก็คือ Humans of New York นั่นเอง (ของไทยเราชื่อ มนุษย์กรุงเทพฯ)

 

humans of new york
Humans of New York : ชีวิต / ความฝัน / นิวยอร์ก: หนังสือรวมภาพและถ้อยคำบนเพจ Humans of new york

 

นับตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นมา ผมพบว่าลักษณะของบทสัมภาษณ์เป็นอะไรที่ส่งผลกระทบให้ใจสั่นไหวได้มากกว่าที่เคยคิดมาก่อน

หากตอนยังเป็นเด็กพวกเราต่างชื่นชมฮีโร่คนดังระดับโลกที่เป็นตำนานย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับตัวผมเองค้นพบว่ายิ่งโตมากขึ้นเท่าไหร่ ต้นแบบของเราไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือเก่งกาจระดับโลกอะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนออกมาผ่านชื่อของเพจโดยตรง นั่นก็คือ Human ซึ่งหากถ้าไล่ดู Timeline ของเพจดูจะพบได้เลยว่าคำๆ นี้หมายถึง  the people หรือผู้คนทั่วไปๆเลยจริง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าคนตามท้องถนน  gangster นายธนาคาร นักวิทยาศาสตร์ คุณตาทหารผ่านศึก และอีกมากมายนับไม่หมด นั่นคือความเชื่อของเจ้าของเพจในการถ่ายทอด ‘ความเป็นมนุษย์’  ของผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นเบ้าหลอมของวัฒนธรรม ใช่แล้ว…The New Yorker

 

human of new york
ท้ายบทความนี้ผมได้แปลเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้และหมาน้อยของหล่อน ที่สะท้อนความเปราะบาง ความเป็นมนุษย์ และความหวังในวันฟ้าหม่น

 

 

นั่นทำให้ทุกครั้งที่ผมแวะไปอ่านบทสัมภาษณ์สั้น พร้อมกับรูปประกอบสวยๆ ของเหล่า ผู้คนเหล่านี้ ผมจะสัมผัสได้ถึงความเหมือนและความเป็นสากลของมนุษย์ ที่ไม่อาจถูกแบ่งแยกได้ด้วยชาติพันธุ์ ความเชื่อ สีผิว หรือระดับการศึกษา

ในขณะที่ผมท้อ มีเรื่องราวของบางคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่าบ่งบอกว่าชีวิตยังมีความหวัง หรือบางครั้งผมได้สวมรอยเท้าเข้าไปยังบางสถานการณ์ที่ผู้คนเหล่านั้นเผชิญพร้อมถามตัวเองว่าถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะทำอย่างไร

สเน่ห์อีกอย่างของเพจนี้คือคอมเม้น ของผู้คนที่แตกต่างหลากหลายได้มาแสดงออก ซึ่งยิ่งขับเน้นความเป็นสากลของพวกเราชาวโลกมากขึ้นไปอีก เมื่ออ่านจบแล้วในใจจะรู้สึกคันๆ อยากจะแชร์บทความอย่างบอกไม่ถูก มันอิ่มเอม มันตื้นตันหรือบางครั้งก็ให้ความหวังให้เราได้มีชีวิตต่อไปบนโลกที่ร้อนแรง รวดเร็วทว่าเราไม่เคยโดดเดี่ยว เมื่อได้รับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้ใจได้มีพลังสู้ต่อไปในโลกที่ไม่เปลี่ยวเหงาจนเกินไป

แนะนำให้ลองอ่านแล้วคุณจะเห็นความหมายของชีวิตและรู้สึกขอบคุณทุกลมหายใจที่ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่มากก็น้อย ลาก่อน human of the world

 

บทแปล

สามีของฉันเพิ่งตายจากโรคหัวใจวายเฉียบพลันไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

ห่างจากจุดนี้ไปไม่กี่ป้ายรถเมย์เองด้วยซ้ำ

ในตอนนั้นตำรวจก็โทรเรียกฉันไปดูว่าใช่ศพของเค้าจริงๆหรือเปล่าก่อนจะปล่อยฉันให้เดินเคว้งออกมาบนถนน 7th

ตรงนี้เอง ในตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งกับชีวิต

โชคดีที่พวกเพื่อนๆ ของฉันคอยช่วยเหลืออยู่คอยให้กำลังใจฉันเสมอๆ แต่สุดท้ายชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป

และทุกคนก็ต้องกลับมามีชีวิตของตัวเอง ส่วนฉันเองก็ไม่มีลูก และก็ไม่ได้ฝักใฝ่ใส่ใจในการงานขนาดนั้น

และนั่นเองทำให้ฉันต้องประสบกับช่วงชีวิตที่โดดเดี่ยวมากที่สุดตั้งแต่เกิดมา

กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สุดท้ายฉันพยายามหาทางออก มาลงเอยด้วยการอยากลองรับหมามาเลี้ยงแก้เหงาคลายโศกเศร้าซักตัว

ฉันลองหาข้อมูลดูพบว่า พูเดิลคือคำตอบ แต่พอฉันลองไปที่งานรับอุปการะสัตว์ ก็ไม่เหลือหมาพันธุ์พูเดิลเลยซักกะตัว

จนสุดท้ายก็มาเจอเจ้าหมาแก่ๆ ตัวสีดำที่ผอมกะหร่องเหลือแต่กระดูกที่ไม่มีใครสนใจอยู่ตัวนึง

หล่อนสั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดกลัว ที่จมูกและตาก็มีแต่เมือกไหลเยิ้มอยู่ตลอดเวลา

หล่อนดูเปราะบางและอ่อนแอมาก และทำให้ฉันคิดถึงตัวของฉันเอง

ฉันตั้งใจตั้งชื่อมันว่า grace เพราะคิดว่าเป็นสามีของฉันเองที่ส่งมันมาให้ตัวฉัน

หล่อนเป็นหมาตัวแรกที่ฉันเลี้ยงในชีวิตนี้ หล่อนได้กลายเป็นเหมือนความสุข ความรื่นรมในชีวิตของฉัน

เราใช้เวลาร่วมกันแทบจะตลอดเวลา ในที่สุดหล่อนก็ค่อยๆ กลับมาอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนปกติ

หล่อนกับฉันเราไปที่สถานบำบัดด้วยกัน และอาการของเราทั้งสองก็ค่อยๆได้รับการเยียวยา จนดีขึ้นไปพร้อมๆกันในที่สุด

อ่านต้นฉบับได้ที่นี่

 

ณภัทร สงวนแก้ว
ณภัทร สงวนแก้ว

คนสายวิทย์ที่จงใจมาทำงานสายธุรกิจและหวังว่าซักวันหนึ่งทั้งสองโลกจะมาเชื่อมกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น และแชร์ไปยัง Facebook ของท่าน