CCTV มีสมอง Part 1 | โดย อ.เกษมสันต์ วีระกุล
CCTV มีสมอง Part 1 โดย อ.เกษมสันต์ วีระกุล
การเดินทางไปเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว และเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ครั้งล่าสุดของผมได้เห็นการใช้กล้อง CCTV ของจีนที่น่าสนใจเลยขอเอามาบันทึกไว้ให้อ่านกัน
เริ่มกันตั้งแต่สนามบิน เมื่อลงจากเครื่องบิน เขาจะทำทางกึ่งบังคับให้เราต้องเดินผ่านกล้อง CCTV เพื่อตรวจอุณหภูมิ ร่างกายดูว่าผู้โดยสารที่มาถึงจีนนั้นมีไข้สูงหรือไม่? ซึ่งถ้ามีก็ต้องโดนพาแยกตัวไปตรวจต่อว่ามีเชื้ออะไรที่เป็นโรคติดต่อ ต้องห้ามเข้าประเทศเขาหรือไม่ พอไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเขาก็ใช้กล้อง CCTV จับหน้าตาเราเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ว่าคนนี้เดินทางเข้าประเทศมาละนะ ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ก็เหมือนกับหลายๆประเทศที่ผมได้เดินทางมา จะต่างกันก็เพียงแต่ว่า จะเข้มงวดมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
แต่ที่จีนทำได้ต่างกับหลายประเทศรวมถึงไทยเราด้วยก็คือการบินภายในประเทศ ซึ่งนอกจากเขาจะตรวจบัตรโดยสาร และบัตรประชาชนว่าชื่อตรงกันหรือไม่แล้ว จีนยังใช้กล้อง CCTV จับหน้าผู้โดยสาร เอาเข้าไปตรวจสอบกับระบบใหญ่ ของประเทศที่บันทึกหน้าตาชื่อและข้อมูลส่วนตัวของคนจีนทั้งประเทศเอาไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อคนจีนยื่นบัตรโดยสารพร้อม บัตรประจำตัวให้เจ้าหน้าที่สนามบิน ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตรวจความถูกต้องของทั้งสองบัตร กล้องก็จะทำหน้า ที่ตรวจใบหน้าของผู้โดยสารว่าเป็นคนเดียวกับชื่อที่ระบุในบัตรประชาชนหรือไม่ เท่าที่ผมสังเกตดูระบบนี้มีประสิทธิภาพ มากเพราะเมื่อกล้องจับหน้าผู้โดยสาร ชื่อและข้อมูลส่วนตัวก็จะขึ้นมาในหน้าจอให้เราและเจ้าหน้าที่เห็นว่าถูกต้องตรงกัน หรือไม่ภายในเวลาเพียงแว้บเดียวเท่านั้นเอง
ต่างจากระบบบ้านเราซึ่งเอาคนมาอ่านชื่อในบัตรและตั๋วว่าตรงกันหรือไม่เท่านั้นเอง จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับคนอ่าน ว่าภาษาอังกฤษแข็งแรงหรือไม่ ไม่น่าจะช่วยเรื่องความปลอดภัยได้มากนัก
พอออกจากสนามบินมาสู่ท้องถนน ต้องบอกว่าคนในกุ้ยหยางและเฉิงตูนั้นขับรถเป็นระเบียบเรียบร้อยและเคารพกฎ จราจรมากกว่าคนในกรุงเทพอย่างเทียบกันไม่ได้ ผมลองถามเพื่อนคนจีนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเดี๋ยวนี้คนจีนถึงเคารพ กฎจราจรยอมทำตามกฎหมายมากยิ่งขึ้นแตกต่างไปจากอดีตที่ผมเคยพบเห็นเยอะมากๆ เพื่อนตอบว่าเดี๋ยวนี้เมืองจีน ใช้กล้อง CCTV มาใช้ในแทบจะทุกจุดบนท้องถนน ดังนั้นถ้ารถหรือมอเตอร์ไซค์คันไหนทำผิดกฎหมายใบสั่งจะถูก ส่งไปถึงบ้านทันที
ผมจึงเริ่มสังเกตบนท้องถนนและก็พบว่าเมืองจีนเขาใช้ CCTV แทบจะทุกจุดบนท้องถนนจริงๆ แต่ผมแทบจะไม่เห็น ตำรวจบนท้องถนนเลย ต่างจากบ้านเราที่เห็นตำรวจเต็มท้องถนนแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้คนไทยทำตามกฎหมายหรือ เคารพกฎจราจรได้เท่าไหร่
สอบถามผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้อง CCTV ผมเลยรู้ว่าปัจจุบันกล้อง CCTV รุ่นใหม่ๆ เขาจะใส่ “สมอง” เข้าไปในตัวกล้องด้วย ทำให้กล้องมีความฉลาดมากกว่ากล้องรุ่นเดิมที่ทำหน้าที่เป็นแค่ดวงตาที่มองได้แต่ไร้สมอง กล้อง CCTV ที่มีสมองนั้นถ้า เราติดไว้เพื่อดูทะเบียนรถ กล้องก็จะฉลาดพอที่มองที่ทะเบียนและอ่านออกได้ทันทีว่ารถคันนั้นทะเบียนอะไร หรือถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ กล้อง CCTV ก็จะฉลาดพอว่าควรจะมองไปตรงจุดไหนของรถจึงจะเห็นทะเบียนมอเตอร์ไซค์คันนั้นได้
ถ้าเราติดกล้องเพื่อบริหารการจราจร กล้อง CCTV ที่มีสมองก็จะสามารถช่วยนับรถว่าในนาทีนั้นๆบนท้องถนนมีรถเก๋ง รถบรรทุกและมอเตอร์ไซค์อยู่อย่างละกี่คัน มากหรือน้อยกว่าวันอื่นๆ การจราจรลื่นไหลได้ที่ความเร็วเท่าไหร่?
ในสิงคโปร์กล้อง CCTV เขาก็มีสมองและรัฐบาลเขาใช้เพื่อมาช่วยบริหารการจราจรและการเดินทางของคนสิงคโปร์ ถ้ามีคนเดินทางมาสถานีรถใต้ดินมาก ระบบของสิงคโปร์ก็จะบริหารให้รถใต้ดินมาถี่กว่าปรกติ สถานีจะได้ไม่แน่น ผู้โดยสารจะได้ไม่ต้องรอนาน
อาทิตย์หน้ามาอ่านกันต่อว่ากล้อง CCTV ที่มีสมองจะสามารถช่วยกุ้ยหยางและเฉิงตูบริหารจราจรได้อย่างไรอีก?